ย่ำค่ำ ชม Night Illumination ที่ญี่ปุ่น

ย่ำค่ำ ชม ‘Night Illumination’ ที่ญี่ปุ่น

หนาวนี้ไปไหนดี....

เชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามนี้อยู่ในใจกันมาบ้าง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองปลายปี ย่อมอยากได้ที่พิเศษๆ สักครั้ง ใครยังคิดไม่ออก ขอเชียร์ “เทศกาลชมดวงไฟ” สุดตระการตาที่ญี่ปุ่นสุดใจ เพราะเรื่องความเว่อร์จัดเต็ม ไม่มีใครเกินประเทศนี้

ส่วนจะเป็นสถานที่ใดนั้น เราคัดสรรมานำเสนอให้ 3 แห่ง การันตีความสวย โรแมนติก เคลิ้ม เพ้อ เหม่อ ลอย ตะลึง และประทับใจแบบดาวหมดฟ้า ขอย้ำว่ามีให้ชมเฉพาะยามค่ำคืนในฤดูหนาวเท่านั้น

“Nabana no Sata Illumination” อลังการดาว 7 ล้านดวง

หากใครได้มีโอกาสเดินทางไปนาโกย่า อย่าลืมแวะไปเมืองข้างเคียงอย่าง ‘คุวะนะ’ แม้ชื่อเมืองยังไม่เป็นที่คุ้นหูของคนไทยนัก แต่เชื่อเถอะว่าเมืองนี้กำลังมาในวงการท่องเที่ยว เพราะมีไฮไลท์เด็ดอยู่ที่สวนดอกไม้ชื่อ “นาบานะ โนะ ซาโตะ การ์เดน” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของของนากาชิมะรีสอร์ท อันเต็มไปด้วยดอกไม้นานาชนิดที่ผลัดกันผลิบานให้ชมตลอด 4 ฤดูกาล โดยในช่วงฤดูใบไม้ผลิกับฤดูร้อนจะเต็มไปด้วยสีสันละลานตา แต่ในหน้าหนาวที่จำนวนดอกไม้บานลดน้อยลง จะมีการแสดงไฟช่วงกลางคืนขึ้นมาเป็นไฮไลท์แทน โดยเรียกว่า “Nabana no Sata Illumination” ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในการแสดงไฟเยี่ยมยอดที่สุดของญี่ปุ่น โดยใช้ไฟ LED หลอดเล็กกว่า 7 ล้านดวงประดับประดาไปตามถนนหนทาง กลางสวนดอกไม้ ไปจนถึงทะเลสาบ จนกลายเป็นสวนดวงไฟนับล้านที่ประชันขันแข่งกันส่งแสงหลากสีไปจนสุดลูกหูลูกตา

สิ่งที่สร้างความประทับใจคือ ธีมที่คิดมาในแต่ละปีไม่มีซ้ำ เช่น เมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา มีธีมเป็น ‘Nature’ ว่าแล้วเขาก็จัดดวงไฟลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันขึ้นไปให้สูงส่งท่วมหัวจนกลายมาเป็น ‘ภูเขาไฟฟูจิ’ สีฟ้าสวย โปะยอดด้วยไฟหิมะสีขาวนวลสว่างกระจ่างตาแถมยิ่งใหญ่อลังการสุดๆ หรือจะเป็นเส้นทางสายรุ้งที่มีดวงไฟ 7 สี พาดผ่านกลางท้องฟ้าสีเข้ม มีแม้กระทั่งแสง aurora หรือแสงเหนือแสงใต้ ที่ส่องประกายวูบวาบได้เหมือนจริงมากจนนึกว่าอยู่ผิดที่ แต่ที่ทำให้ตะลึงงันจนเหมือนหลุดเข้าไปอยู่อีกโลกคือ อุโมงค์ไฟสุดอลังการที่ทอดยาวหลายร้อยเมตร ให้คุณได้เดินลอดใต้แสงไฟเป็นประกายนับล้านที่ห่อหุ้มอยู่รอบด้าน แถมยังสลับสีเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆลอยๆ ฝันๆ เหมือนได้เดินอยู่กลางทางช้างเผือก สวยจนอยากหยุดหายใจ ไม่ว่าใครได้เข้าไปลอดใต้อุโมงค์ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันโรแมนติกมากกกก (ขอเติม ก. ไก่อีก 7 ล้านตัว) ส่วนปีนี้ธีมจะเป็นอะไรนั้น เขายังไม่ประกาศ ขอเชิญไปเซอร์ไพรส์กันเองสิ้นปี ย้ำว่าห้ามพลาด!

อาณาจักรแห่งแสงสี

สถานที่ชมไฟอีกแห่งคือ หมู่บ้านฮอลแลนด์ ‘Huis Ten Bosch’ (เฮ้าส์เทนบอสซ์) ที่เมืองมาชูแทน (เกาะคิวชู) เป็นสวนสนุกเต็มรูปแบบที่สร้างเลียนแบบฮอลแลนด์ในยุคโบราณ (ศตวรรษที่ 17) มีทั้งหมู่บ้าน แบบไม้ และตึกรามบ้านช่องแบบอิฐสไตล์ดัชต์ กังหันลม คลองเล็กใสแจ๋ว ทุ่งดอกทิวลิป โบสถ์โบราณ บนทำเลเก๋ๆ ที่ล้อมด้วยทิวเขาและทะเลสาบเหมือนยุโรปไม่มีผิด นอกจากนี้ยังมีเครื่องเล่นแปลกตาและเอนเตอร์เทนเมนต์อีกนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น การล่องเรือ ‘โกอิ้ง แมรี่’ สุดแฟนซีแบบในการ์ตูน One Pieceขวัญใจคอการ์ตูนหลายคน นั่งยานบุกอวกาศสุดระทึก ชมอาณาจักรหมีเท็ดดี้แบร์ ชมศิลปะแบบ 3D หรือจะเดินเล่นช้อปปิ้งตามร้านรวงต่างๆ ก็ไม่มีเบื่อ เรียกว่าใช้เวลาอยู่ในหมู่บ้านนี้ได้ทั้งวัน เพราะที่นี่เขารวบรวมบรรยากาศและสถาปัตยกรรมแปลกตาสไตล์ฮอลแลน์ผสมผสานเข้ากับความสนุกคิกขุและครีเอทีฟแบบญี่ปุ่นได้อย่างลงตัว เอาเป็นว่าขนาดถังขยะยังเป็นรูปบ้านดัตช์อ่ะ น่ารักซะ!

ตกค่ำ ต้องไม่พลาดชมเทศกาลไฟ ‘The Kingdom of Light’ เมื่อสวนสนุกแห่งนี้ถูกปลุกให้มีชีวิตชีวาอีกครั้งจากดวงไฟเล็กๆ ถึง 10 ล้านดวง ที่ถูกนำมาตกแต่งไปทั้งหมู่บ้าน ตั้งแต่ตึกแถว ร้านรวง สะพาน ท้องถนน แปลงดอกไม้ ฯลฯ แล้วไม่ใช่แค่เอาไฟมาเรียงกันเฉยๆ แต่จะประดับตกแต่งดวงไฟเป็นรูปร่างต่างๆ มีลูกเล่นแปลกตา ลีลากระพริบโดนใจ เรียกว่าจะไปถ่ายรูปมุมไหนก็ประทับใจทั้งนั้น การันตีว่ากรี๊ดทุกมุม เตรียมแบตเตอร์รี่กล้องกับสมาร์ทโฟนของคุณไปให้พอละกันค่ะ

แวววาว วูบวาบ เรืองรอง

แหล่งสุดท้ายที่พลาดไม่ได้ คือโกเบ และมหานครโตเกียว 2 เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ยิ่งในเทศกาลแสงไฟช่วง Season Greetings ด้วยแล้ว ยิ่งน่าชมเข้าไปอีก เริ่มที่โกเบกันก่อนค่ะ เทศกาลชมไฟในโกเบ มีชื่อเป็นภาษาอิตาเลี่ยนว่า ‘Kobe Luminarie’ แปลว่า การเฉลิมฉลองโดยใช้แสงไฟ โดยมีไฮไลท์อยู่ที่ย่าน Old Foreign Settlement และHigashi-Yuenchi Park ซึ่งจะนำไฟมาตกแต่งเป็นรูปตึกโดยใช้รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานออกแนวยุโรปและอาหรับ ดูสวย ละเอียดละออ และละมุนละไมมาก น่าชมมาก

ส่วนในโตเกียวนั้น มีที่ชมไฟอยู่เต็มไปหมด แค่เดินเล่นตามย่านฮิตหรือแหล่งท่องเที่ยวดังๆ ก็เพลินแล้ว เช่น Christmas Illumination ที่ห้าง Carreta หรือเดินเล่นบนถนนย่าน ร็อปปองหงิ แต่มีบางส่วนที่จัดทำเป็นพิเศษแบบน่าเข้าไปชมให้ได้สักครั้ง เช่น Star Light Garden ที่โตเกียว มิดทาวน์ เป็นการจัดแสดงไฟแบบเคลื่อนไหวไปมาในสวนสาธารณะ เหมือนดูงานศิลปะชิ้นหนึ่งเต็มไปด้วยลูกเล่นแพรวพราว เรียกว่ายืนชมได้เป็นชั่วโมงไม่มีเบื่อ หรือจะเป็นที่ ‘โตเกียว โดม’ ที่รวบรวมไฟหลากสีมาประดิดประดอยเป็นสถาปัตยกรรมเก๋ๆ ทั้งรูปโดมและอื่นๆ แม้กระทั่งต้นไม้หรือพุ่มไม้รอบๆ ยังมีกิมมิจากแสงไฟ รายละเอียดยิบย่อยแบบดูแล้วเพลิ้นเพลินจนลืมเวลา เอาจริงๆ นะ แค่ในโตเกียวที่เดียว เราก็สามารถเดินชมไฟสุดสวยให้เวิ่นเว้อได้ตลอดทุกคืน ไม่มีซ้ำ ใครอยากชมเทศกาลไฟ หรือChristmas Illumination ในญี่ปุ่น ให้ไปช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงปลายมีนาคมค่ะ เพราะเป็นช่วงจัดแสดงพอดี แต่ขอแอบกระซิบว่าถ้าใครได้มาชมไฟสุดโรแมนติกในช่วงคริสต์มาสต่อปีใหม่ด้วยแล้วล่ะก็ ทริปเดียว...ฟินข้ามปี

บทความอื่นๆ ในหมวดเดียวกัน

Scenic of Japan ความงามแห่งฤดูกาล ญี่ปุ่น (5796)

เรื่องเล่าผ่านความหอม (4762)